03 พฤศจิกายน 2563

วิธีเข้าเว็บสีส้ม-ดำ ด้วยวิธีเปลี่ยน DNS (Google Chrome)

 วิธีเข้าเว็บสีส้ม-ดำ ด้วยวิธีเปลี่ยน DNS (Google Chrome)

.
-เข้าไปที่ตั้งค่า (Setting)
-ไปที่ ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย (Privacy and Security)
-ไปที่ความปลอดภัย (Security)
.
มองหาขั้นสูง (Advanced) เปิดเลือกใช้ DNS ตามในภาพ
แล้วกดเมนู drop box เลือก Google หรือ Cloudflare
.
ส่วนใครใช้ Microsoft Edge ตัวใหม่
-เข้า Setting
-Privacy, search and services
-Security > Choose a service provider แล้วเลือก Google หรือ Cloudflare
.
ในมือถือถ้าใช้ Google Chrome ก็ทำได้นะ
Setting > Security > Use Secure DNS > แล้วเลือก Google หรือ Cloudflare
.
ขอให้สนุกครับ
.
เขียนโดย ZWIFT

16 ตุลาคม 2563

คีย์ลัดใน Photoshop

 คีย์ลัดใน Photoshop

สร้างรูปภาพใหม่
= Ctrl + N
= Alt + Ctrl +N >> สร้างใหม่โดยใช้ค่าที่ตั้งไว้ล่าสุด



ปิดไฟล์รูปภาพที่เปิดอยู่

= Ctrl + W >> ปิดเฉพาะไฟลที่กำลังใช้งาน

= Ctrl + Shift + W >> ปิดรูปภาพทั้งหมด



ดูหน้าจองานถัดไปหรือก่อนหน้า

= Ctrl + shift + Tab >> ดูหน้าจอถัดไป

= Ctrl + Tab >> ดูหน้าจอก่อนหน้า



เรียกหน้าจอ Open เพื่อเปิดไฟล์รูปภาพ

= Ctrl + O



เรียกหน้าจอ Open As เพื่อเปิดไฟล์รูปภาพเป็นไฟล์รูปแบบอื่น

= Ctrl + Alt + O



แสดงหน้าจอคำสั่ง Page Setup

= Ctrl + Shift + P



แสดงหน้าจอ Preferences

= Ctrl + K

= Ctrl + Alt + K >> แสดงด้วยค่าที่ใช้ครั้งล่าสุด



แสดงหน้าจอคำสั่ง Print เพื่อพิมพ์รูปภาพ

= Ctrl + P



แสดงหน้าจอ Print Option เพื่อดูภาพก่อนพิมพ์

= Ctrl + Alt + P



วางวัตถุที่ถูกก็อบปี้ไว้ (Paste)

= Ctrl + V

= Ctrl + Shift + P >> วางลงบนขอบเขตที่กำหนด



ออกจากโปรแกรม (Quit)

= Ctrl + Q



ย้อนกลับไปเป็นไฟล์ต้นฉบับ (ยกเลิกการกระทำทั้งหมด)

= F12



บันทึกไฟล์ภาพ (Save)

= Ctrl + S



บันทึกไฟล์ภาพในชื่อใหม่หรือฟอร์แมตอื่นๆ (Save As)

= Ctrl + Shift + S



บันทึกไฟล์ภาพเมื่อนำไปใช้บนเว็บ

= Ctrl + Alt + Shift + S


การปรับหน้าจอรูปภาพ

= Ctrl + O >> ปรับให้พอดีกับหน้าจอ

= Alt + Ctrl + O >> แสดงภาพเท่าขนาดจริง



ย่อ / ขยายขนาดภาพ (ขนาดหน้าจอยังคงเท่าเดิม)

= Ctrl + (+) >> ขยายภาพ

= Ctrl + (-) >> ย่อภาพ



ย่อหรือขยายหน้าจอแสดงภาพทั้งหน้าจอ

= Ctrl + Alt + (+) >> ขยาย

= Ctrl + Alt + (-) >> ย่อ



เรียกใช้อุปกรณ์แว่นขยาย (Zoom) ชั่วคราว แล้วใช้เม้าส์คลิก เพื่อย่อหรือขยายภาพ

= Ctrl + Spacebar >> ขยาย

= Alt + Spacebar >> ย่อ



เลื่อนภาพขึ้นลงหรือซ้ายขวา ครั้งละ 1 หน้าจอ

= Page Up >> เลื่อนขึ้น

= Page Down >> เลื่อนลง

= Ctrl + Page Up >> เลื่อนซ้าย

= Ctrl + Page Down >> เลื่อนขวา



เลื่อนภาพไปทางซ้าย / ขวา ครั้งละ 10 พิกเซล

= Ctrl + Shift + Page Down >> เลื่อนขวา

= Ctrl + Shift + Page Up >> เลื่อนซ้าย



เลื่อนภาพขึ้น / ลง ครั้งละ 10 พิกเซล

= Shift + Page Up >> เลื่อนขึ้น

= Shift + Page Down >> เลื่อนลง



เลื่อนภาพไปยังตำแหน่งอื่น ๆ

= Home >> มุมซ้ายบนสุด

= End >> มุมขวาล่างสุด



ปรับโหมดการแสดงหน้าจอโปรแกรมแบบต่าง ๆ

= F



ล็อก / ปลดล็อก เส้น Guides

= Ctrl + Alt + ;



แสดง / ซ่อน เส้นกริด หรือเส้น Guides

= Ctrl + ' >> เส้นกริด

= Ctrl + ; >> เส้น Guides



แสดง / ซ่อน ไม้บรรทัด

= Ctrl + R



แสดง / ซ่อน เส้น Path

= Ctrl + Shift + H



เปลี่ยนเม้าส์เป็นเครื่องมือ Hand ชั่วคราว

= Spacebar



ก็อบปี้ส่วนที่เลือก เฉพาะในเลเยอร์ปัจจุบัน (Copy)

= Ctrl + C



ก็อบปี้ส่วนที่เลือกของทุกเลเยอร์เก็บไว้ในคลิปบอร์ด (Copy Merged)

= Ctrl + Shift + C



ตัวส่วนที่เลือกจากเลเยอร์ปัจจุบัน เก็บไว้ในคลิปบอร์ด (Cut)

= Ctrl + X



เปิดหน้าจอคำสั่ง Extract เพื่อแยกวัตถุออกจากฉากหลัง

= Ctrl + Alt + X



ปรับรูปทรงของส่วนที่เลือกแบบอิสระ (Free Transform)

= Ctrl + T



ปรับรูปทรงซ้ำอีกครั้ง

= Ctrl + Shift + T



การใช้ฟิลเตอร์

= Ctrl + F >> ใช้ฟิลเตอร์เดิมซ้ำอีกครั้ง

= Ctrl + Alt + F >> แสดงหน้าจอ Last Filter

= Ctrl + Shift + F >> แสดงหน้าจอ Fade



แสดงหน้าจอคำสั่ง Liquify เพื่อทำภาพบิดเบี้ยว

= Ctrl + Shift + X



แสดงหน้าจอคำสั่ง Pattern Maker เพื่อสร้างภาพลวดลาย

= Ctrl + Alt + Shift + X



ย้อนขั้นตอนการทำงานด้วย History

= Ctrl + Alt + Z >> ย้อนกลับ

= Ctrl + Shift + Z >> เลื่อนไปข้างหน้า



ยกเลิกการกระทำขั้นตอนล่าสุด

= Ctrl + Z

ลบพื้นที่ที่ถูกเลือก

= Backspace หรือ Delete



ยกเลิกการเลือก

= Ctrl + D



แสดงหน้าจอคำสั่ง Feather เพื่อกำหนดการฟุ้งกระจายของขอบ

= Ctrl + Alt + D



สลับการเลือก

= Ctrl + Shift + I



เลื่อนพื้นที่ที่ถูกเลือกไปในทิศทางต่าง ๆ

= ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down) >> เลื่อนครั้งละ

1 พิกเซล

= Shift + ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down) >> เลื่อน

ครั้งละ 10 พิกเซล



เลื่อนเฉพาะกรอบไปในทิศทางต่าง ๆ

= Ctrl + ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down) >> เลื่อน

ครั้งละ 1 พิกเซล

= Ctrl + Shift + ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down)

>> เลื่อนครั้งละ 10 พิกเซล

เรียกใช้เครื่องมือสร้างการเลือกแบบ Path

A หรือ Shift + A : : : สลับเครื่องมือ Path และ Direct



เรียกใช้เครื่องมือวาดภาพ Paint Brush

B หรือ Shift + B : : : สลับเครื่องมือ Paintbrush และ Pencil



เรียกใช้เครื่องมือตัดภาพส่วนเกิน Crop

C



ปรับเป็นสีมาตรฐานที่ตั้งไว้ [ Default Colors ]

D



เรียกใช้เครื่องมือลบภาพ Eraser

E หรือ Shift + E : : : สลับใช้เครื่องมือกลุ่ม Eraser



เรียกใช้เครื่องมือเติมสี Gradient

G หรือ Shift + G : : : สลับใช้เครื่องมือ Gradient และ Paint Bucket



เรียกใช้เครื่องมือเลื่อนดูภาพ Hard

H



เรียกใช้เครื่องมือเลือกสี Eyedropper

I หรือ Shift + I : : : สลับใช้เครื่องมือ Eyedropper / Sampler / Measure



เรียกใช้เครื่องมือทำสำเนาภาพ Healing Brush / Patch

J หรือ Shift + J : : : สลับใช้เครื่องมือ Healing Brush และ Patch Tool



เรียกใช้เครื่องมือตัดแบ่งภาพ Slice

K หรือ Shift + K : : : สลับใช้เครื่องมือ Slice และ Slice Select



เรียกใช้เครื่องมือสร้างการเลือกแบบอิสระ Lasso

L หรือ Shift + L : : : สลับใช้เครื่องมือกลุ่ม Lasso



เรียกใช้เครื่องมือการสร้างการเลือกเป็นรูปเรขาคณิต Marpuee

M หรือ Shift + M : : : สลับใช้เครื่องมือแบบ Rectangle และ Elliptical



เรียกใช้เครื่องมือบันทึกหมายเหตุ [ Notes ]

N หรือ Shift + N : : : สลับใช้เครื่องมือ Notes และ Audio Annotation



เรียกใช้เครื่องมือปรับแสงสีชุด Dodge / Burn / Sponge

O หรือ Shift + O : : : สลับใช้เครื่องมือ Dodge / Burn / Sponge



เรียกใช้เครื่องมือสร้างเส้น Path แบบ Pen

P หรือ Shift + P : : : สลับใช้เครื่องมือ Pen และ Freeform Pen



สลับการทำงานระหว่างโหมด Standard และ Quick Mask เพื่อป้องกันภาพจากการปรับแต่ง

Q



เรียกใช้เครื่องมือปรับความคมชัดชุด Blur / Sharpen / Smudge

R หรือ Shift + R : : : สลับใช้เครื่องมือ Blur / Sharpen / Smudge



เรียกใช้เครื่องทำสำเนาภาพ Cone Stamp

S หรือ Shift + S : : : สลับใช้เครื่องมือ Clone และ Pattern Stamp



เรียกใช้เครื่องมือพิมพ์ตัวอักษร Type

T



เรียกใช้เครื่องมือสร้างรูปทรงเรขาคณิต Shape

U หรือ Shift + U : : : สลับใช้เครื่องมือ Shape และ Line



เรียกใช้เครื่องมือ Move

V



เรียกใช้เครื่องมือสร้างการเลือกตามค่าสี Magic Wand

W



สลับสีพื้นหน้าและสีพื้นหลัง

X



เรียกใช้เครื่องมือ History Brush Tool

Y



สลับระหว่าง History และ Art History Brush

Shift + Y



เรียกใช้เครื่องมือดูภาพแบบย่อ / ขยาย Zoom

Z



เพิ่มหรือลดขนาดหัวแปรงอุปกรณ์วาดภาพและยางลบ

[ : : : ลดขนาด

] : : : เพิ่มขนาด



ลดความนุ่ม [ Softness ] หรือความเข้มของเครื่องมือวาดภาพและยางลบ

Shift + [ : : : ลดขนาดทีละ 25%

Shift + ] : : : เพิ่มขนาดทีละ 25%



ปรับความโปร่งใส [ Opacity ] ของเครื่องมือวาดภาพและยางลบ ตั้งแต่ 10% - 100%

0 – 9 [ ปุ่มตัวเลข 0 – 9 ]

0 = 100% , 1 = 10% , 4 = 40% เป็นต้น



กำหนดอัตราการไหล [ flow ] ของสี ในอุปกรณ์แอร์บรัช ตั้งแต่ 10% - 100%

Shift + 0 – 9 [ ปุ่มตัวเลข 0 – 9 ]


เปิดหน้าจอ Color Settings

Ctrl + Shift + K



การปรับภาพอัตโนมัติ

Ctrl + Shift + B : : : ปรับสีอัตโนมัติ ( Auto Color )

Ctrl + Alt + Shift + L : : : ปรับค่าคอนทราสต์อัตโนมัติ ( Auto Contrast )

Ctrl + Shift + L : : : ปรับแสงเงาอัตโนมัติ ( Auto Levels )



เรียกหน้าจอ Color Balance เพื่อปรับสมดุลสี

Ctrl + B



เรียกหน้าจอ Curves เพื่อปรับแสงเงาของภาพอย่างละเอียด

Ctrl + M



ปรับภาพเป็นเฉดสีเทา ( Desaturate )

Ctrl + Shift + U



ตรวจสอบรูปภาพ RPG ที่อยู่นอกขอบเขตของสี CMYK ( Gamut Warning )

Ctrl + Shift + Y



เรียกหน้าจอ Hue / Saturation เพื่อปรับสีและความบริสุทธิ์ของสี

Ctrl + U



ปรับเป็นภาพแบบฟิล์มเนกาตีฟ ( Invert )

Ctrl + I



เรียกหน้าจอปรับ Levels เพื่อปรับการกระจายตัวของแสงและเงา

Ctrl + L



แสดงหน้าจอการเติมสี ( Fill )

Shift + Backspace



เติมสีด้วยขั้นตอนจาก History

Ctrl + Alt + Backspace

Ctrl + Alt + Shift + Backspsce : : : ไม่เติมในส่วนที่โปร่งใส



กำหนดรูปแบบการเติมสี

Ctrl + Backspace : : : เติมด้วยสี Background

Alt + Backspace : : : เติมด้วยสี Foreground

Ctrl + Shift + Backspace : : : เติมด้วยสี Background เฉพาะส่วนที่ไม่โปร่งใส

Alt + Shift + Backspace : : : เติมด้วยสี Foreground เฉพาะส่วนที่ไม่โปร่งใส


สร้างเลเยอร์ใหม่ [ New Layer ]

Ctrl + Shift + N

Ctrl + Alt + Shift + N : : : ไม่แสดงหน้าจอกำหนดรายละเอียด



เลือกเลเยอร์

Alt + ] : : : ถัดไป

Alt + [ : : : ก่อนหน้า

Alt + Shift + ] : : : ล่างสุด

Alt + Shift + [ : : : บนสุด



นำเลเยอร์ที่เลือกมาไว้หน้าสุด

Ctrl + Shift + ]



จัดกลุ่มเลเยอร์

Ctrl + G

Ctrl + Shift + G : : : ยกเลิกการจัดกลุ่ม



ปรับความโปร่งใสของเลเยอร์ตั้งแต่ 10% - 100%

1 – 0 : : : ปุ่มตัวเลข 1 – 0



ตัวเลือกของการสร้างเลเยอร์ใหม่ในระหว่างการก็อปปี้

Ctrl + J : : : สร้างใหม่ระหว่างการก็อปปี้

Ctrl + Shift + J : : : สร้างใหม่ระหว่างการตัด



รวมเลเยอร์ที่ลิงค์อยู่กับเลเยอร์ปัจจุบันให้กลายเป็นเลเยอร์เดียว

Ctrl + E



รวมเลเยอร์ที่แสดงอยู่เข้าด้วยกัน ยกเว้นเลเยอร์ที่ถูกซ่อน [ Merge Visible ]

Ctrl + Shift + E



รวมเลเยอร์ที่แสดงอยู่เข้าด้วยกัน

Ctrl + Alt + Shift + E



รวมเลเยอร์ปัจจุบัน เข้ากับเลเยอร์ที่อยู่ด้านล่าง [ Move Layer Down ]

Ctrl + [



ล็อกเลเยอร์เฉพาะส่วนที่โปร่งใส

/



ย้ายเลเยอร์

Ctrl + ] : : : ขึ้น 1 ระดับ

Ctrl + [ : : : ลง 1 ระดับ

Ctrl + Shift + ] : : : ขึ้นบนสุด

Ctrl + Shift + [ : : : ลงล่างสุด


เลือกโหมดการผสมสี

Shift + (ลบ)- : : : เลือกย้อนหลัง

Shift + (บวก)+ : : : เลือกไปข้างหน้า



เลือกการผสมสีในโหมดที่ต้องการ

Alt + Shift + Q : : : Behind

Alt + Shift + R : : : Clear

Alt + Shift + C : : : Color

Alt + Shift + B : : : Color Burn

Alt + Shift + D : : : Color Dodge

Alt + Shift + K : : : Darken

Alt + Shift + E : : : Difference

Alt + Shift + I : : : Dissolve

Alt + Shift + X : : : Exclusion

Alt + Shift + H : : : Hard Light

Alt + Shift + U : : : Hue

Alt + Shift + G : : : Lighten

Alt + Shift + A : : : Linear Burn

Alt + Shift + W : : : Linear Dodge

Alt + Shift + J : : : Linear Light

Alt + Shift + Y : : : Luminosity

Alt + Shift + M : : : Multiply

Alt + Shift + N : : : Normal

Alt + Shift + O : : : Overlay

Alt + Shift + Z : : : Pin Light

Alt + Shift + T : : : Saturation

Alt + Shift + S : : : Screen

Alt + Shift + F : : : Soft Light

Alt + Shift + L : : : Threshold / Normal

Alt + Shift + V : : : Vivid Light



พาเลตต์เป็นหน้าจอย่อยที่ใช้เลือกรายละเอียดประกอบการทำงานต่าง ๆ ในโปรแกรม ซึ่งปุ่มคีย์บอร์ดที่สามารถใช้ควบคุมการใช้งานประกอบด้วย



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Action

F9



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์และแถบเครื่องมือทั้งหมด

Teb



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ทั้งหมดแต่ยังคงแสดงแถบเครื่องมือ

Shift + Teb



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Brushes

F5



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Color

F6



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Info

F8



แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Layers

F7



ปรับหรือยกเลิกแบบตัวอักษรต่าง ๆ


Ctrl + Shift + H : : : ตัวพิมพ์เล็ก

Ctrl + Shift + / : : : ขีดฆ่า

Ctrl + Alt + Shift + ( บวก )+ : : : ตัวห้อย

Ctrl + Shift + ( บวก )+ : : : ตัวยก

Ctrl + Shift + U : : : ขีดเส้นใต้

Ctrl + Shift + K : : : ตัวพิมพ์ใหญ่



จัดตัวอักษรชิดขอบด้านใดด้านหนึ่ง

Ctrl + Shift + L : : : ชิดซ้าย

Ctrl + Shift + R : : : ชิดขวา

Ctrl + Shift + C : : : กึ่งกลาง



เพิ่ม / ลดค่า Kerning ครั้งละ 20 / 1000 em

Alt + <- หรือ ->



เพิ่ม / ลด ตำแหน่งตัวอักษร ครั้งละ 2pt

Alt + Shift + ∧(ลูกศร) หรือ ∨(ลูกศร)



ปรับระยะบรรทัดเพิ่ม / ลด ครั้งละ 2pt

Alt + ∧(ลูกศร) หรือ ∨(ลูกศร)



ปรับระยะบรรทัดเป็น Auto

Ctrl + Alt + Shift + A



เพิ่ม / ลดขนาดตัวอักษรครั้งละ 2 Point

Ctrl + Shift + < : : : เพิ่ม

Ctrl + Shift + > : : : ลด



จัดย่อหน้าให้ด้านซ้ายขวาตรงกัน และบรรทัดสุดท้ายชิดซ้าย

Ctrl + Shift + J



จัดย่อหน้าให้ด้านซ้ายขวาตรงกัน รวมทั้งบรรทัดสุดท้าย

Ctrl + Shift + F



เลื่อนเคอร์เซอร์

Ctrl + -> : : : เลื่อนไปข้างหลังทีละคำ

Ctrl + <- : : : เลื่อนไปข้างหน้าทีละคำ

Home : : : ต้นบรรทัด

End : : : ท้ายบรรทัด

Ctrl + Home : : : ต้นเนื้อหา

Ctrl + End : : : ท้ายเนื้อหา

Ctrl + ∧(ลูกศร) : : : ย่อหน้าก่อนหน้า

Ctrl + ∨(ลูกศร) : : : ย่อหน้าถัดไป



เลือกตัวอักษร

Shift + <- หรือ -> : : : เลือกทีละตัว

Shift + ∧(ลูกศร) หรือ ∨(ลูกศร) : : : เลือกทีละบรรทัด

Ctrl + Shift + <- หรือ -> : : : เลือกทีละคำ

Shift + Home : : : ต้นบรรทัด

Shift + End : : : ท้ายบรรทัด

Ctrl + Shift + Home : : : ต้นเนื้อหา

Ctrl + Shift + End : : : ท้ายเนื้อหา



ตั้งค่าความกว้าง / สูง ตัวอักษรเป็น 100%

Ctrl + Shift + X : : : ปรับความกว้าง

Ctrl + Alt + Shift + X : : : ปรับความสูง



ตั้งค่า Tracking เป็น 0

Ctrl + Shift + Q



เลือก / ยกเลิก ใส่ขีดในคำที่ตกบรรทัด

Ctrl + Alt + Shift + H



ปรับวิธีจัดคำ

Ctrl + Alt + Shift + T



ขอบคุณ -:ไอ่หมูน้อย:-

09 ตุลาคม 2563

team drive

 เครดิต:Fon Au-auzz from FB:วิชา RCLONE

แจก team drive ไม่ต้องทิ้งเมล์ไว้ ไปกดสร้างเองได้เลย

Click: https://td.fastio.me

สำหรับสมาชิกใหม่ ที่ยังไม่มี Team Drive เอาไว้ใช้ส่วนตัว

วันนี้มาแนะนำ App IPTV

วันนี้มาแนะนำ App IPTV ของคนไทยใจดี ทำให้ใช้กันฟรีๆ 

App: A-Play มีทั้งมือถือกล่องพร้อม


สำหรับมือถือ Android  กล่องAndroid ทุกประเภท​ให้ดาวน์โหลด V.1.2.4  https://bit.ly/2FX3phP​ เท่่านั้น

สำหรับ Android ทีวี  ให้ดาวน์โหลด​ V.1.0.3  http://bit.ly/aplay-tv​


ท่านใดอยากคุยกับผู้พัฒนา แนะนำค้นหาใน OpenChat : APLAY

13 กรกฎาคม 2563

อยากให้ทุกท่านได้ดู


💥อยากให้ทุกท่านได้ดูและได้ใช้แก้ไขของใช้ในบ้านเราโดยบ้างทีไม่จำเป็นต้องเสียตังค์เลย ผมได้รวบรวมมาเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันครับ👍👍👍
วิธีมัดเชือกรัดสินค้า https://youtu.be/4SHMtPzwOEU
วิธีต่อทามเมอร์กับสวิตไฟ
https://youtu.be/0HEq8N4WIV8
วิธีติดตั้งสวิตย์เพิ่ม
https://youtu.be/Vvg_Z3Lv6EA
วิธีเปลี่ยนจากสวิตซ์ให้เป็นปลั้ก
https://youtu.be/5g-Nzd29eEE
วิธีใช้หลอดLED-T8 แทนหลอดเก่า
https://youtu.be/2IU6mqx2fAs
วิธีต่อปลั๊กเพิ่ม
https://youtu.be/knVtfVQCCno
วิธีต่อตู้โหลดไฟ
วิธีช่อมสายฟักบัว
https://youtu.be/YvAIXHy466I
วิธีซ่อมก๊อกรั่ว
https://youtu.be/mYj4_MUzK9s
วิธีซ่อมสายชำระ
https://youtu.be/jPLXvWr-pXU
วิธีซ่อมก๊อกน้ำบอลวาวล์
https://youtu.be/arCBT5GOCrk
วิธีแก้ไขต้เย็นให้ปิดสนิท
https://youtu.be/PKpPDXCZeHA
วิธีสะเดอะประตูลูกบิด
https://youtu.be/lTkq2JjjhD0
วิธีแก้ปั้มน้ำกระตุก
https://youtu.be/HTUNU2HQ7R4
วิธีแก้ปั้มน้ำทำงานตลอด
https://youtu.be/tBjmtBWBN5w
วิธีเปลี่ยนลูกบิดประตู
https://youtu.be/OMGqxaQkm7I
วิธีซ่อมรอยแตกร้าวบ้านปูน
https://youtu.be/yuvZRGdSqX8
วิธีตอกตะปูไม่ให้ไม้แตก
https://youtu.be/-SoLH5JprEw
วิธีซ่อมสายชาร์จอย่าทิ้ง
https://youtu.be/kGSMGAPiXrY
วิธีต่อตู้ไฟคอลซูมเมอร์
https://youtu.be/hHSc2HzJoMI

30 มิถุนายน 2563

มาดูปุ่มกดเข้า BOOT MENU ใน PC (คอมพิวเตอร์) และ NB (โน๊คบุ๊ค) ยี่ห้อต่างๆ

มาดูปุ่มกดเข้า BOOT MENU ใน PC (คอมพิวเตอร์) และ NB (โน๊คบุ๊ค) ยี่ห้อต่างๆ

มาดูปุ่มกดเข้า BOOT MENU ใน PC (คอมพิวเตอร์) และ NB (โน๊คบุ๊ค) ยี่ห้อต่างๆ

การลง windows 7/8/10 ผ่าน usb นั้น จะต้องกดปุ่ม boot menu เพื่อเลือกติดตั้ง windows ผ่าน usb flash drive จึงเอาปุ่ม boot menu ของ pc และ nb ของยี่ห้องต่างๆ มาให้ดูกันครับ เช่น Asus, Dell, HP, Lenovo, Acer, IBM เป็นต้น ในบทความนี้จะมีทั้งปุ่มกดเข้า bios และ boot menu ด้วยครับ

BIOS / Boot Menu ของโน๊คบุ๊ค (Notebook/Laptop)

laptop-bios-key
Notebook / LaptopBios KeyBoot Menu Key
AcerF2F12
ASUSF2Esc
CompaqF10Esc, F9
DellF2F12
FujitsuF2F12
HPF10Esc, F9
LenovoF1, F2F12
NECF2F5
SamsungF2Esc
SharpF2
SonyF1, F2, F3F11
ToshibaF2F12

BIOS / Boot Menu คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop / PC)


desktop-bios-key
PC / DesktopBios KeyBoot Menu Key
ASUSDELF8
GigabyteDEL, F2F12
MSIDELF11
IntelF2F10
AsrockF2F11
EVGADELF7
LenovoF1, F2F12, F8, F10
HPF1Esc
IBMF1F12
DellF2F12
AcerDELF12
ที่มา : nongit

12 เมษายน 2563

Economic of Food Delivery ทำไมคิด GP แล้ว แพลตฟอร์มยังขาดทุน

Economic of Food Delivery ทำไมคิด GP แล้ว แพลตฟอร์มยังขาดทุน


อ่านประเด็นเรื่องการเก็บ GP ของร้านอาหารสำหรับการส่งเดลิเวอรีผ่านแพลตฟอร์ม แล้วยังไม่เห็นคนเขียนเรื่องโครงสร้างต้นทุนของเดลิเวอรีทั้งระบบมากนัก เลยอยากเขียนเรื่องนี้สักหน่อยครับ
หมายเหตุ:
  • ผู้เขียนทำงานกับ Wongnai ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของ Line Man เพื่อความโปร่งใส จึงจะอ้าง ข้อมูลจากคุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab Thailand ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Line Man ที่พูดในรายการสัมภาษณ์ของ The Standard เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563
  • คิดว่าภาพรวมของโครงสร้างราคาเดลิเวอรีแต่ละเจ้าในไทย (Grab/Line Man/Foodpanda/Get) ไม่แตกต่างกันมากนักอยู่แล้ว อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมเหมือนกัน
  • ความเห็นทั้งหมดในบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
คุณธรินทร์ พูดในรายการ The Standard ไว้ชัดเจนว่า วงการเดลิเวอรีอาหาร ประกอบด้วย 4 ห้องหัวใจ (เป็นคำของคุณธรินทร์เอง) คือมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 4 ฝ่าย ได้แก่
  • ผู้บริโภค (คนซื้อ)
  • ร้านอาหาร (คนขาย)
  • คนส่งอาหาร
  • เจ้าของแพลตฟอร์ม
แต่ละฝ่ายก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ผู้บริโภคอยากให้ราคาอาหาร+ค่าส่งถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้, ร้านอาหารอยากขายได้ราคาเต็มโดยไม่โดนหักเปอร์เซนต์, คนส่งอาหารก็อยากได้ค่าส่งต่อเที่ยวสูงที่สุด และเจ้าของแพลตฟอร์มก็อยากหักส่วนแบ่งเยอะที่สุด
เมื่อทั้ง 4 ฝ่ายมีความต้องการของตัวเอง แต่ “เงิน” ที่เกี่ยวข้องกับการส่งอาหารหนึ่งเที่ยวมีจำกัด ก็ต้องมาแบ่งปันผลประโยชน์กัน

จ้างไปซื้อ” แฟร์ที่สุด แต่แพงที่สุด

วิธีการที่แฟร์ที่สุดคือ ร้านอาหารขายอาหารในราคาปกติ (ตัดส่วนของร้านอาหารออกไปจากสมการได้ เพราะสมประโยชน์แล้ว) ผู้บริโภคจ่ายเงินซื้ออาหารในราคาปกติ และค่าส่งตามระยะทางจริง (เหมือนกับการจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปซื้อข้าว) คนส่งอาหารได้ค่าส่งตามระยะทางจริง แล้วหักส่วนแบ่งค่าใช้งานให้แพลตฟอร์มตามที่ตกลงกันไว้
ท่านี้แบ่งผลประโยชน์กันแฟร์ที่สุด แต่มีจุดอ่อนที่ ต้นทุนส่วนใหญ่ไปตกอยู่ที่ผู้บริโภค เพราะต้องจ่ายค่าส่งค่อนข้างแพง (Line Man ที่ยังมีทางเลือกให้ร้านใช้ท่านี้ มีค่าส่งเริ่มต้นที่ 55 บาท ถัดจากนั้นกิโลเมตรละ 7.2 บาท ถ้าคิดด้วยสูตรนี้ ต่อให้สั่งร้านใกล้บ้านสัก 2-3 กิโลเมตร ค่าส่งก็ขั้นต่ำ 70-80 บาทเข้าไปแล้ว)
เนื่องจากตลาดนี้ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค (buyer’s market) ถ้าผู้บริโภคต้องจ่ายแพง แรงจูงใจในการสั่งอาหารย่อมลดลงไปด้วย ทางแพลตฟอร์มเลยคิดโมเดล “ค่าส่ง 10 บาท” ขึ้นมาแก้ปัญหาข้างต้น

ค่าส่ง 10 บาท” ผู้บริโภคได้ประโยชน์ จึงต้องมี GP

โมเดล “ค่าส่ง 10 บาท” จูงใจให้ผู้บริโภคสั่งอาหารเดลิเวอรีเยอะขึ้น เพราะค่าส่งถูกลงมาก แต่เมื่อจำนวนเงินรวมต่อออเดอร์ลดลง ผู้เกี่ยวข้องอีก 3 ฝ่ายที่เหลือ (ร้านอาหาร, คนส่ง, แพลตฟอร์ม) ก็ต้องจัดสรรส่วนแบ่งผลประโยชน์กันใหม่
เมื่อเราตัดผู้บริโภคออกไป ในบรรดาผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่ายที่เหลือ คนสำคัญที่สุดกลายเป็น “คนส่งอาหาร” เพราะเป็นตัวเชื่อมสำคัญในการส่งอาหารจากร้านไปให้ถึงมือผู้บริโภค หากคนส่งอาหารมองว่าค่าส่งไม่คุ้มกับการส่งแล้ว ก็คงเลือกไม่รับงาน ส่งผลสะเทือนให้ธุรกรรมอันนี้ไม่เกิดขึ้น
คำถามต่อมาคือ ค่าส่งเท่าไรถึงจะคุ้มในสายตาของคนส่งอาหาร ตรงนี้ตัวเลขของแต่ละแพลตฟอร์มคงแตกต่างกันในรายละเอียด ทั้งเรื่องระยะทาง และ incentive พิเศษจูงใจให้คนส่งกดรับงานด้วย ผมขอใช้ตัวเลขของ Grab ที่คุณธรินทร์ พูดเอาไว้ว่า “คนขับได้อย่างน้อยเที่ยวละ 40 บาท ถ้าขับเยอะอาจได้ถึง 60 บาท”
หากเราคิด baseline ว่าในการสั่งอาหารหนึ่งเที่ยว ที่ระยะใกล้จนได้ค่าส่ง 10 บาท คนขับได้ส่วนแบ่งแล้ว 40 บาทแน่ๆ (กรณี 60 บาทถือเป็นกรณีพิเศษ ถ้าขยันหรือได้โบนัสใดๆ)
ค่าส่งที่ผู้บริโภคจ่าย 10 บาทย่อมไม่พอ จ่ายค่าส่งให้คนขับไปแล้ว ยังขาดทุนอยู่ 30 บาท ต้นทุนนี้ใครเป็นคนแบกรับ
ตรงนี้เลยกลายเป็นโมเดล GP (Gross Profit) ที่แพลตฟอร์มต้อง “บังคับ” ให้ร้านอาหารมาช่วยจ่ายเงินแบกรับต้นทุนด้วย
หากใช้ตัวเลข GP อัตรามาตรฐานในท้องตลาดคือ 30% ของค่าอาหาร ในหนึ่งออเดอร์ ร้านอาหารต้องขายอาหารได้ขั้นต่ำ 100 บาทต่อ 1 ออเดอร์ จึงจะได้ค่าส่ง 30 บาทไปจ่ายให้คนขับพอดี โดยที่แพลตฟอร์มเท่าทุน คือ ไม่ได้กำไร
แต่ในทางความเป็นจริง เราต้องคิด VAT อีก 7% เป็น 32.1% นั่นแปลว่าร้านต้องขายได้แพงขึ้นอีกเป็นออเดอร์ละ 102-103 บาท เพราะต้องจ่าย VAT เข้ารัฐอีก 2-3 บาทด้วย จึงจะพอดีกับต้นทุนค่าส่ง (คิดที่ 40 บาท แบบขั้นต่ำสุดๆ แล้วด้วย)
หมายเหตุ: โมเดลการเก็บ GP ไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยอย่างเดียว เป็นโมเดลที่ค่อนข้างสากล อย่างตัวเลขของ Uber Eats ในสหรัฐคือเก็บ 25%

ต่อให้คิดเงิน GP แล้ว แพลตฟอร์มก็ยังขาดทุน

ในทางปฏิบัติจริง แพลตฟอร์มไม่ได้กำหนดว่าออเดอร์ขั้นต่ำต่อเที่ยวต้องเป็นเท่าไร ดังนั้นหากผมสั่งชาไข่มุก 1 แก้ว 50 บาท ต่ำกว่าสมการข้างต้นที่คิดขั้นต่ำไว้ที่ 100 บาท แปลว่าจะมีคนขาดทุนนั่นเอง
  • ออเดอร์รวม 60 บาท = ค่าชาไข่มุก 50 บาท + ค่าส่ง 10 บาท
  • ต้องจ่ายค่าส่งให้คนขับ 40 บาท ผู้บริโภคจ่ายให้แล้ว 10 บาท เหลืออีก 30 บาท
  • ค่าชาไข่มุก 50 บาท คิด GP 30% = ร้านอาหารช่วยจ่าย 15 บาท
  • เหลืออีก 15 บาท ตรงนี้แพลตฟอร์มต้องแบกรับการขาดทุนไปนะครับ
ในรายละเอียดแล้วยังมีต้นทุนแฝงอื่นๆ อีก เช่น คนขับอาจได้มากกว่า 40 บาทก็ได้, ค่าประกันอุบัติเหตุคนขับ, เสีย VAT เพิ่มให้รัฐอีก 7% ฯลฯ นี่ยังไม่รวมค่าการตลาดพวกคูปองส่วนลดพิเศษต่างๆ ดังนั้น แพลตฟอร์มย่อมต้องขาดทุนเยอะกว่านี้อีกมาก
การที่แพลตฟอร์มต้องแบกรับการขาดทุนในทุกออเดอร์ที่สั่ง ก็ไม่น่าแปลกใจที่แพลตฟอร์มจะหาวิธีแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นค่า GP เป็น 35% หรือคิดค่า small order fee อีก 10 บาท เพื่อชดเชยการขาดทุนลักษณะนี้ลง
ด้วยโมเดลแบบ GP ที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์ (ค่าส่ง 10 บาท) เมื่อคิดต้นทุนค่าส่งที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้ต้นทุนของการขาดทุน ไหลมาอยู่กับร้านอาหารและแพลตฟอร์มนั่นเอง
ในมุมนี้แล้ว หากผู้บริโภคสั่งอาหารในราคารวมที่มากขึ้น (ภาษาในวงการเรียก basket size) เช่น 200-300 บาท ก็จะช่วยให้ส่วนแบ่งของแพลตฟอร์ม (ค่า GP 30%) เพิ่มมากตามไปด้วย เพียงพอที่จะจ่ายค่าส่งได้ไม่ขาดทุน แต่ในมุมของร้านอาหารที่เสียส่วนแบ่ง GP คงที่เสมอ ก็อาจมองว่าไม่ได้อะไรเพิ่มจากค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นมากนัก

ทางออกคืออะไร

การที่เราอยู่บนโมเดลทางเศรษฐกิจที่ “มีใครสักคนขาดทุน” มันคงไม่ยั่งยืน เป็นธุรกิจที่เป็นจริงได้ไม่นาน ดังนั้นในระยะยาว โมเดลค่าส่ง 10 บาทคงไม่สามารถยืนระยะได้
ผมคิดว่าทางออกที่เหมาะสมคือ ผู้บริโภคต้องยอมจ่ายค่าส่งมากขึ้น เพื่อช่วยแบกรับต้นทุนของค่าส่งจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่น
สมมติว่าเราเปลี่ยนค่าส่งขั้นต่ำที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเป็น 30 บาท การขาดทุนต่อเที่ยวก็จะลดลงไปเหลือประมาณ 10 บาท ซึ่งตัวเลขตรงนี้จะช่วยให้ ร้านอาหารเสียค่า GP น้อยลงได้ด้วย
แต่ในสภาพการแข่งขันปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคติดค่าส่ง 10 บาทไปเรียบร้อยแล้ว การขึ้นค่าส่งให้แพงกว่า 10 บาทย่อมมีผลต่อจำนวนออเดอร์อย่างมาก (ร้านไหนแพงกว่า 10 บาท คนสั่งอาหารก็หายไปหมด)
สุดท้ายแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือ บรรดาแพลตฟอร์มก็ต้องมาตกลงกันว่า ควรเลิกค่าส่ง 10 บาทได้แล้ว ซึ่งก็ไม่ง่ายอีกเหมือนกัน เพราะ
  • โดนผู้บริโภคด่าแน่นอน (แต่ในอีกด้าน ผู้บริโภคก็ไม่มีทางเลือก)
  • แต่ละแพลตฟอร์มก็แข่งกันเอง และหวังให้รายอื่นทนแบกรับขาดทุนไม่ได้ ตายจากไปก่อน