14 พฤษภาคม 2565

อิทธิพลเรื่องของโลโก้ LOGO

 

อิทธิพลเรื่องของโลโก้ LOGO

คนเราเกิดมาหน้าตาเป็นอย่างไร ชีวิตก็เป็นแบบที่หน้าตาเป็นอยู่ เวลาที่เราอยากรู้ชะตาของตัวเองก็ไปหาซินแสหรือหมอดูตรวจโหงวเฮ้งก็จะรู้ว่าดวงชะตาหรือวาสนาเป็นอย่างไร  การที่หน้าตาของเราเป็นอย่างไร ย่อมเกิดจากบุญกรรมชาติที่แล้วว่าเราทำอะไรมาบ้าง  โลโก้ก็เหมือนกัน โลโก้เป็นตัวแทนของตัวเรา บริษัทเรา ธุรกิจของเรา อนาคตจะเป็นอย่างไร เราหรือเจ้าของกิจการเป็นผู้กำหนด

ฉะนั้นถ้าเราพอมีความรู้เบื้องต้นว่าโลโก้ที่ดีต้องเป็นอย่างไร ก็จะเป็นการดียิ่ง เพราะจะเป็นการวางแผนระยะยาวที่ดี เหมือนเราทำการเกษตรเราปลูกทุเรียนเราก็อยากได้ผลเป็นทุเรียน เราไม่อยากจะได้ผลออกมาเป็นมะม่วง  

โลโก้ที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้

1. โลโก้ลักษณะตั้งตรง หมายถึงมีความมั่นคง แข็งแรง

 2. โลโก้ลักษณะอวบๆ อ้วนๆ หมายถึงมีความอุดมสมบูรณ์ 

3. โลโก้ลักษณะตัวผอมๆ หมายถึงทุกข์ยาก ลำบาก ขาดทุน

4. โลโก้ไม่ควรใช้สีขาว เพราะสีขาวคือความว่างเปล่า (ว่างเปล่าคือไม่มีเงิน)

5. โลโก้ที่ดีเส้นโลโก้ต้องติดกันต่อเนื่องไม่ขาด หมายถึงเก็บเงินอยู่ 

6. โลโก้ไม่ควรเป็นเส้นๆ ไม่ว่าจะตั้งหรือนอน หมายถึงเริ่มต้นดูดี แต่ต่อไปจะไม่ดี

7. ถ้าใช้ตัวหนังสือทำเป็นโลโก้ต้องเขียนให้ต่อเนื่องกัน ถ้าตัวหนังสือขาดเป็นช่วงๆ หมายถึงการทำๆ หยุดๆ

8. โลโก้ต้องไม่บวมนูนห้อยหรือย้อยลงด้านล่าง หมายถึงการแบกภาระ

9. โลโก้ต้องไม่แตะกันเฉยๆ หมายถึงกรรมการหุ้นส่วน พร้อมที่จะแยกจากกัน

10. โลโก้ที่ทำเป็นแท่งๆ หมายถึงต่างคนต่างอยู่ เป็นกิจกรรมชั่วคราวไม่ยั่งยืน

11. โลโก้สามเหลี่ยมเป็นลักษณะธาตุไฟ หมายถึงพร้อมที่จะทะเลาะกันตลอดเวลา (ต้องมีสีหรือธาตุมาช่วยเสริมหรือแก้จึงใช้ได้ดี)

 

ดูธาตุกำเนิดจากปีนักษัตรที่เกิด

คนเกิดปีชวด (ปีหนู) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุน้ำ ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2455, 2467, 2479, 2491, 2503, 2515, 2527, 2539, 2551

คนเกิดปีฉลู (ปีวัว) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุดิน ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2456, 2468, 2480, 2492, 2504, 2516, 2528, 2540, 2552

คนเกิดปีขาล (ปีเสือ) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุไม้ ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2457, 2469, 2481, 2493, 2505, 2517, 2529, 2541, 2553

คนเกิดปีเถาะ (ปีกระต่าย) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุไม้ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2458, 2470, 2482, 2494, 2506, 2518, 2530, 2542, 2554

คนเกิดปีมะโรง (ปีมังกร) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุทอง ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2459, 2471, 2483, 2495, 2507, 2519, 2531, 2543, 2555

คนเกิดปีมะเส็ง (ปีงู) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุไฟ ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2460, 2472, 2484, 2496, 2508, 2520, 2532, 2544, 2556 

คนเกิดปีมะเมีย (ปีม้า) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุไฟ ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2461, 2473, 2485, 2497, 2509, 2521, 2533, 2545, 2557

คนเกิดปีมะแม (ปีแพะ) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุทอง ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2462, 2474, 2486, 2498, 2510, 2522, 2534, 2546, 2558 

คนเกิดปีวอก (ปีลิง) :  ธาตุกำเนิด คือ ธาตุทอง ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2463, 2475, 2487, 2499, 2511, 2523, 2535, 2547, 2559 

คนเกิดปีระกา (ปีไก่) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุทอง ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2464, 2476, 2488, 2500, 2512, 2524, 2536, 2548, 2560 

คนเกิดปีจอ (ปีสุนัข) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุดิน ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2465, 2477, 2489, 2501, 2513, 2525, 2537, 2549, 2561 

คนเกิดปีกุน (ปีหมู) : ธาตุกำเนิด คือ ธาตุน้ำ ได้แก่ผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2466, 2478, 2490, 2502, 2514, 2526, 2538, 2550, 2562 


สีประจำธาตุ อิทธิพลของการใช้สีส่งเสริมกัน

เจ้าของกิจการธาตุดิน โลโก้ควรมีส่วนผสมของ ธาตุไฟ + ธาตุน้ำ + ธาตุดิน  จะช่วยเพิ่มพลังความรุ่งเรืองของธุรกิจให้แข็งแกร่ง บริวารขยันขันแข็ง และมีความซื่อสัตย์

เจ้าของกิจการธาตุทอง  โลโก้ควรมีส่วนผสมของ ธาตุดิน + ธาตุไม้ +  ธาตุทอง  จะช่วยดึงดูดทรัพย์สิน และความเจริญรุ่งเรืองมาให้ธุรกิจ บริวารคึกคัก ขยันขันแข็ง

เจ้าของกิจการธาตุน้ำ  โลโก้ควรมีส่วนผสมของ ธาตุทอง + ธาตุไฟ + ธาตุน้ำ  จะทำให้มีพลังอำนาจ มีความกระตือรือร้น  มีความคิดแคล่วคล่องว่องไว  การเจรจาธุรกิจต่างๆ จะสำเร็จง่าย

เจ้าของกิจการธาตุไม้  โลโก้ควรมีส่วนผสมของ ธาตุน้ำ + ธาตุดิน + ธาตุไม้  จะช่วยให้ ธุรกิจมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองพัฒนาก้าวหน้า กิจการคึกคัก มีการเคลื่อนไหวธุรกิจดี  สินค้ามีเสน่ห์

เจ้าของกิจการธาตุไฟ  โลโก้ควรมีส่วนผสมของ ธาตุไม้ + ธาตุทอง + ธาตุไฟ  จะช่วยเสริมให้มีบารมี มีเสน่ห์ มีคนเคารพนับถือ เสริมโชคลาภ ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองดี

 

สีประจำธาตุ และสัญลักษณ์รูปทรง

สีธาตุดิน  ได้แก่ สีเหลือง,สีน้ำตาล,สีครีม,สีอิฐ,สีแทน สัญลักษณ์รูปทรง เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส รูปทรงสี่เหลี่ยมนูนต่ำหรือ รูปทรงลูกเต๋า ความหมาย คือ ความมั่งคง ความชื่อสัตย์สุจริต

สีธาตุทอง  ได้แก่ สีขาว สีเงิน สีทอง สีเมทัลลิค สีที่มีลักษณะแวววาว  สัญลักษณ์รูปทรง เป็นทรงกลมๆ  ความหมาย คือ บารมี ความสง่างาม ความสามัคคี

สีธาตุน้ำ  ได้แก่ สีคราม สีฟ้า สีน้ำเงิน สีเทาเข้ม สีดำ  สัญลักษณ์รูปทรงครึ่งวงกลม หรือ เป็นพริ้วแบบคลื่น  ความหมาย คือ ความมั่งคั่ง การเงิน กระแสเงิน

สีธาตุไม้  ได้แก่ สีเขียวแก่ เขียวอ่อน  สัญลักษณ์รูปทรง เป็นรูปทรงสูงยาวๆ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า   ความหมาย คือ ความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง

สีธาตุไฟ ได้แก่  สีแดง สีส้ม สีม่วงแดง สีชมพู สัญลักษณ์รูปทรง เป็นรูปสามเหลี่ยม หรือรูปที่ปลายแหลมทุกชนิด  ความหมาย คือ ความฉับไว กระตือรือร้น

ธรรมชาติของแต่ละสี หรือแต่ละรูปทรง คือ ตัวแทนของธาตุ และธาตุแต่ละธาตุมีพลังของตัวเอง มีอำนาจส่งเสริม หรือ ทำลายหักล้างธาตุอื่นได้

 

ลักษณะของการส่งเสริม

ธาตุดิน เป็นตัวส่งเสริม ธาตุทอง แร่ธาตุต่างๆเช่น สังกะสี เหล็ก ธาตุทอง เกิดจากดินที่ทับถมกันแปรเป็นหินแร่

ธาตุทอง เป็นตัวส่งเสริม ธาตุน้ำ เมื่อมีความชื้นมากระทบ จะก่อให้เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ

ธาตุน้ำ เป็นตัวส่งเสริม ธาตุไม้ น้ำเป็นอาหารของไม้ ทำให้ไม้เจริญเติบโต

ธาตุไม้ เป็นตัวส่งเสริม ธาตุไฟ เพราะธาตุไฟมีไม้เป็นเชื้อ ไฟจะมีพลัง สว่างไสว โชติช่วง

ธาตุไฟ เป็นตัวส่งเสริม ธาตุดิน เมื่อไฟเผาไม้ จะเกิดขี้เถ้า ถ่าน ผง สลายกลายเป็นดิน


ลักษณะของการพิฆาต

ไฟนำมาเผา หลอมทองให้ละลาย

ทองกลายเป็นโลหะ กลายเป็นขวานเป็นเลื่อยใช้ตัดต้นไม้

ไม้ เติบโตงอกงามโดยดูดแร่ธาตุจากดิน

ดิน โดยธรรมชาติเป็นตัวกำหนดขนาดของแหล่งน้ำ เป็นเขื่อนกั้นน้ำ

น้ำ ควบคุมไฟ ใช้นำมาดับไฟ

12 พฤษภาคม 2565

วิธีปรับอาหารลดเสี่ยง "อ้วน-หลอดเลือดสมอง-เบาหวาน-ความดัน"

 

วิธีปรับอาหารลดเสี่ยง "อ้วน-หลอดเลือดสมอง-เบาหวาน-ความดัน"


ปรับอาหารที่กินแค่ไม่กี่อย่าง ก็ช่วยลดเสี่ยงโรคอันตรายยอดนิยมอย่าง หลอดเลือดสมอง-เบาหวาน-ความดัน และอื่นๆ ได้อีกเพียบ

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) มีสาเหตุจากการตีบ อุดตัน หรือแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้เซลล์สมองขาดเลือด และสูญเสียการทำงาน จนส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต และเสียชีวิตในที่สุด และมีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำ พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การรับประทานอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ โดยเฉพาะคนที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ง่าย ได้แก่

  • โรคอ้วน หรือภาวะน้ำหนักเกิน
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันในเลือดสูง

แนวทางการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง คือ

  1. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยให้มีดัชนีมวลกาย 18.5 – 22.9 kg/m2

คำนวณโดย

  • ดัชนีมวลกาย =
  1. รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค โดยปฏิบัติดังนี้
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่หวานจัด ควรบริโภคน้ำตาล ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม เบเกอรี่ ขนมไทย
    • หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด ควรบริโภคน้ำมัน ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน และเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันและไม่ติดหนัง เช่น เนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน เนื้อเป็ดหรือไก่ไม่ติดหนัง และหลีกเลี่ยงอาหารทอด
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่เค็มจัด ควรบริโภคเกลือ ไม่เกิน 1 ช้อนชา หรือ ไม่เกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งมาก อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง และอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็งทุกชนิด
    • เน้นการรับประทานอาหารแบบ DASH Diet โดยเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว และเลือกรับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ เนื่องจาก Dash Diet มีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตสูง จากงานวิจัย พบว่า Dash Diet สามารถลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจได้
    • เน้นการรับประทานแบบ Mediterranean Diet โดยเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืช รวมถึงเนื้อปลา และเลือกรับประทานไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก ลดการบริโภคเนื้อแดง และเนื้อที่ผ่านการแปรรูป เนื่องจากโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยลดค่าไขมันไตรกลีเซอไรด์ และช่วยป้องกันการอักเสบของหลอดเลือดนอกจากการปรับพฤติกรรมแล้ว การออกกำลังกาย งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองด้วย 

นอกจากการปรับพฤติกรรมแล้ว การออกกำลังกาย งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองด้วย

05 พฤษภาคม 2565

ผู้ป่วย “เบาหวาน” กับ 8 อันตรายจากอาหารหน้าร้อน

การรับประทานของเย็นๆ หวานๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มักจะใช้ดับร้อนในช่วงที่ฤดูร้อนมาเยือน เช่นไอศกรีม น้ำหวาน น้ำอัดลม สมูทตี้ ขนมหวาน ผลไม้แช่เย็น และเครื่องดื่มแช่เย็นประเภทอื่นๆ แต่เมื่อทานมากเกิดไปจะสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะน้ำตาลและไขมันที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ 



การรับประทานของเย็นๆ หวานๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มักจะใช้ดับร้อนในช่วงที่ฤดูร้อนมาเยือน เช่นไอศกรีม น้ำหวาน น้ำอัดลม สมูทตี้ ขนมหวาน ผลไม้แช่เย็น และเครื่องดื่มแช่เย็นประเภทอื่นๆ แต่เมื่อทานมากเกิดไปจะสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะน้ำตาลและไขมันที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ 

นักกำหนดอาหาร ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ รพ. กรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า ในหน้าร้อนผู้ป่วยเบาหวานควรระวังเรื่องอาหารหรือเครื่องดื่มเป็นพิเศษ ดังนี้

  1. เครื่องดื่มเย็นๆ เช่น สมูทตี้ น้ำผลไม้ ไม่ควรเติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป และควรดื่มในปริมาณที่น้อย 
  2. เมนูของหวานหรือขนมหวานใส่น้ำแข็งรับประทาน ไม่ควรเติมน้ำเชื่อมหรือกะทิมากเกินไป น้ำอัดลมควรเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำตาล 
  3. เลือกรับประทานผลไม้สดแช่เย็นแทนการดื่มน้ำผลไม้กล่องหรือน้ำผลไม้คั้นสด และไม่ควรทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือไม่ควรทานแทนข้าวในมื้ออาหารนั้นๆ ปริมาณที่แนะนำต่อมื้อไม่เกิน 10-15 ชิ้นคำสำหรับผู้เป็นเบาหวาน 
  4. เลือกผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก เช่น แตงโม สับปะรด แคนตาลูป ชมพู่ แก้วมังกร เป็นต้น 
  5. เลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัดหรือผลไม้จิ้มพริกเกลือน้ำตาล 
  6. ควรดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้วก่อนออกจากบ้าน หากอยู่ในสภาพอากาศร้อนดื่มน้ำให้ได้วันละ 1 ลิตร หรืออย่างน้อย 6-8 แก้ว เพราะหน้าร้อนร่างกายจะเสียงเหงื่อมาก 
  7. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดทุกชนิด และไม่ควรทำให้ตัวเองเกิดความเครียดหรือวิตกกังวล ควรทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน
  8. รักษาความสะอาดและถูกหลักอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือทุกครั้ง

นอกจากจะต้องระวังเรื่องอาหารแล้ว ควรระวังเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับอาหารเครื่องดื่มด้วย เพราะอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษและอาการท้องร่วงได้ โดยอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในหน้าร้อน เช่น อาหารประเภทกะทิ อาหารประเภทยำ ขนมจีน อาหารทะเล อาหารค้างคืน อาหารที่มีแมลงวันตอม นำดื่มและน้ำแข็งที่ไม่สะอาด 

ในส่วนของเมนูอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ส้มตำ สลัดผัก ซาชิมิ ลาบ ก้อยดิบ ยำหอยแครง ยำปูม้าดิบ ข้าวผัดโรยเนื้อปู ขนมที่มีกะทิ เอแคลร์ ปิ้งย่าง หมูกระทะ เป็นต้น เลี่ยงอาหารที่มีรสจัด หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด 

นอกจากนี้และไม่ควรออกไปอยู่ข้างนอกหากมีอากาศที่ร้อนจัด เพื่อเป็นการควบคุมอุณหภูมิของอินซูลินด้วย เพราะอินซูลินควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง ไม่ควรวางอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนมากจนเกินไป

หากทำตามคำแนะนำดังกล่าว ผู้ป่วยก็จะสามารถควบคุมเบาหวาน ความดัน และโรคระบบทางเดินอาหารในหน้าร้อนนี้ได้