ทุกวันนี้โปรโมชันอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ
มาแรงเหลือเกิน ทั้ง VDSL หรือ Fiber Optic ซึ่งแรงได้ใจ
แถมราคาก็ถูกเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่หลายคนประสบพบเจอก็คือ
อุปกรณ์เครือข่ายมาตรฐานที่ผู้ให้บริการติดตั้งให้ไม่ค่อยตอบสนองความเร็วได้อย่างที่ต้องการ
ลองลงทุนสักนิด เพื่อความความเร็วเน็ต ความแรงของ Wi-Fi ให้ได้อย่างที่ต้องการ
1. เลือกความถี่ให้เหมาะสม
ปัจจุบัน Wi-Fi ภายในบ้านสามารถแยกได้เป็น
2 ความถี่ คือ 2.4 GHz และ
5 GHz ซึ่งในอนาคตจะมีการใช้ความถี่ที่ 60 GHz
(802.11ad) แต่ก่อนจะไปถึงตอนนั้น
มาดูตอนนี้ว่าคุณเลือกเราเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานหรือยัง Wi-Fi ความถี่
2.4GHz จะรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่า แต่ความถี่ 5
GHz 5 GHz จะรองรับการรับส่งข้อมูลได้มากกว่า
เหมาะกับอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง เช่น เกมคอนโซล Set Top Box หรือ
Streaming Video
2. เลือก Wi-Fi ให้ตรงตามความต้องการ
การเลือก Wi-Fi ให้เหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยใช้คุณสามารถใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาทิ 802.11g (ความเร็วสูงสุดคือ 54 Mbps+), 802.11n (ความเร็วสูงสุดคือ
300-600 Mbps) และ 802.11ac (ความเร็วสูงสุดคือ
Gigabit/1000 Mbps+) ซึ่งเราเตอร์โดยทั่วไปที่แถมมาตอนติดตั้งอินเทอร์เน็ตจะรองรับมาตรฐาน
802.11n อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความเร็วที่เพิ่มขึ้น
เสถียรมากขึ้น ต้องขยับไปใช้เราเตอร์มาตรฐาน 802.11ac
3. ขยายสัญญาณ
ในบางครั้งเราเตอร์เพียงตัวเดียวไม่สามารถส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมได้ทั้งบ้าน
การขยายสัญญาณจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการใช้สายอากาศเสริม
เราเตอร์บางรุ่นสามารถรองรับการเชื่อมต่อสายอากาศผ่ายพอร์ต N, SMA หรือ
TNC เราสามารถใช้ทั้งแบบเปลี่ยนสายอากาศได้ที่ตัวเราเตอร์เลย
(Indoor) หรือใช้สายอากาศเสริมแบบภายนอก (Outdoor)
4. ทดสอบช่องสัญญาณที่ดีที่สุด
เราเตอร์ Wi-Fi จะมีช่องสัญญาณการใช้งาน
(Channel) ให้เลือกใช้งาน
แต่คนส่วนใหญ่จะใช้ช่องสัญญาณที่อุปกรณ์เลือกมาให้
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าช่องสัญญาณไหนดีที่สุด วิธีการง่าย ๆ ครับ ดาวน์โหลดแอพฯ
ที่ชื่อว่า Wifi Analyzer มาใช้ครับ แอพฯ ตัวนี้จะแสดงช่องสัญญาณที่ดีที่สุดออกมา
จากนั้นเราก็เปลี่ยนให้เราเตอร์ Wi-Fi ไปใช้ช่องสัญญาณนั้น
5. อัพเดตเฟิร์มแวร์เสมอ
หมั่นอัพเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์เสมอ
เพราะการอัพเดตเฟิร์มแวร์จะช่วยให้เราเตอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยปิดช่องโหว่ไม่ให้แฮกเกอร์เข้ามาโจมตีได้อีกด้วย
6. หาพื้นที่วางเราเตอร์ดี ๆ
หากบ้านของคุณไม่กว้างมากนัก
หาพื้นที่วางเราเตอร์ดี ๆ คุณจะสามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทุกมุมของบ้าน
เราเตอร์ควรวางในที่โล่ง บนที่สูง ไม่วางอยู่ใต้โต๊ะ
หรือใกล้กับสิ่งที่กีดขวางสัญญาณ เช่น กำแพง ตู้เหล็ก หรือห้องด้านในสุด
7. ใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตเดียวกัน
ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แท็บเล็ต
โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เราไม่สามารถควบคุมชิปสำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi
ได้ แต่หากเป็นอุปกรณ์เน็ตเวิร์กที่นำมาเชื่อมต่อ เช่น Access
Point, USB Adapter หรือเราเตอร์
คุณควรใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อ
หมดปัญหาการไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้
หรือส่งสัญญาณได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
8. ขยายระยะการส่งสัญญาณ
หากสายอากาศเสริมไม่สามารถส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดภายในบ้าน
ให้หาอุปกรณ์เสริมอย่าง Repeater, WiFi Range Extender หรือ
Home Plug Adapter มาช่วยขยายสัญญาณ
หรือคุณจะเลือกทางประหยัดโดยใช้เราเตอร์ตัวเก่า ๆ ที่มีอยู่เอามาทำเป็น Repeater
ก็ได้ ซึ่งวิธีการทำสามารถหาได้ง่าย ๆ จากอินเทอร์เน็ต
9. เข้ารหัสไว้เป็นนิจ
เข้ารหัสเครือข่ายเน็ตเวิร์กไว้เสมอเพื่อป้องกันผู้อื่นเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ตของคุณฟรี
ดีไม่ดีหากมีการดาวน์โหลดบิตทอร์เรนต์รับรองว่าคุณได้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบอืด ๆ
หรือไม่ก็ไม่สามารถใช้งานได้ การเข้ารหัสก็ให้เลือกการเข้ารหัสแบบ WPA2-TKIP/AES
ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจาะระบบได้อีกด้วย
ส่วนรหัสผ่านที่ตั้งก็อย่าตั้งง่ายเกินไปจนเดาได้ หรือยากเกินไปจนจำไม่ได้นะครับ
เรียบเรียงโดย ธนกิตติ์ ขยันการนาวี
สนับสนุนเนื้อหา: www.aripfan.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น