23 ตุลาคม 2559

บำรุงสายตา ป้องกันสมองเสื่อม แค่ดื่มสิ่งนี้วันละแก้วแค่นั้นเอง

บำรุงสายตา ป้องกันสมองเสื่อม แค่ดื่มสิ่งนี้วันละแก้วแค่นั้นเอง

 
อยากตาสวย สายตาดี สมองดี และสุขภาพดี สามารถทำได้ง่ายๆเพียงแค่ดื่มน้ำดอกอัญชัน เนื่องจากในอัญชันนั้นมีสารที่ชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดี ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมและนัยน์ตามากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ น้ำอัญชันจึงเหมาะสำหรับผู้ต้องการบำรุงสายตา และน้ำดอกอัญชันยังช่วยป้องกันอาการเหนื่อยล้าของสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมอง ป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบ และยังช่วยแก้อาการเหน็บชาได้อีกด้วยค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. ดอกอัญชัน 100 กรัม
2. น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำดอกอัญชัน

1.นำดอกอัญชันสด 100 กรัมล้างน้ำให้สะอาด
1. นำน้ำเปล่าใส่หม้อ ประมาณ 2 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือดก่อน
2. นำดอกอัญชันใส่ลงไปในหม้อ
3. ปิดฝาหม้อทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
4. ตักหรือกรองดอกอัญชันที่ต้มแล้วออก
5. ผสมน้ำดอกอัญชันกับน้ำเชื่อม น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน
6. เทใส่แก้วใส่น้ำแข็งก็พร้อมดื่มแล้วค่ะ
เกร็ดน่ารู้ : น้ำดอกอัญชันไม่ค่อยมีกลิ่นหอมมากครับ หากต้องการเพิ่มกลิ่นที่หอมขึ้น ส่วนมากจะนิยมต้มใส่กับใบเตยอบแห้งครับ
หมายเหตุ เนื่องจากดอกอัญชันมีในการฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด สำหรับผู้ที่มีปัญหาโลหิตจาง ขอแนะนำว่าห้ามรับประทานดอกอัญชันเด็ดขาด หรืออาหารเครื่องดื่มที่ย้อมสีด้วยอัญชันก็ไม่ควรรับประทานบ่อยๆเช่นกัน
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก  : http://www.rak-sukapap.com/2016/09/blog-post_747.html
ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ
 
 
 

กระจ่าง!! แปลกดีนะ..มะเร็ง เหมือน ปลวก มันกิน ดุมาก แต่ใจ มันเสาะ ใครกลัวมะเร็ง อ่านดูนะ มีประโยชน์มาก…!!

กระจ่าง!! แปลกดีนะ..มะเร็ง เหมือน ปลวก มันกิน ดุมาก แต่ใจ มันเสาะ ใครกลัวมะเร็ง อ่านดูนะ มีประโยชน์มาก…!!

 
 
มะเร็ง ใจเสาะ
คุณกฤติยา แอ๊ด ธนาเศรษฐ์สกุล กรุณาแบ่งปันเรื่องประสพการณ์จริงที่เป็นประโยชน์มากมาให้ครับ
มะเร็ง เหมือน ปลวก มันกิน ดุมาก แต่ใจ มันเสาะ
ผมป่วย เป็น มะเร็ง ที่ไต ฉี่ เป็นเลือด ตลอด 4-5 เดือน ผ่าตัด ไต ข้างซ้าย ออกไป เหลือ ข้างเดียว เมื่อ มิ.ย. 54 ส่วนใหญ่ บอกว่า มะเร็ง ชอบ โปรตีน จาก เนื้อวัว หมู ผม เห็นว่า ตัวเรา อ้วน ไขมัน เยอะ ถ้างด แล้วมัน ก็ยัง มีอยู่ ทั้งตัว เลย ไม่เชื่อ ออกจาก รพ. ยังกิน ข้าวขาหมู กะเพรา ไก่ อยู่ได้ 2 เดือน ฉี่ เป็นเลือด อีก ไปตรวจ มันลาม ไป กะเพาะ ปัสสาวะ อีก เนื้อร้าย ใหญ่ 2.5 ซม. ผ่าตัด เอา ก้อน เนื้อ ออก อีก หลังจากนั้น ไม่กิน เนื้อสัตว์ หมู วัว ไก่ เลย ทานแต่ ผัก ผลไม้
3 เดือน ไปตรวจ ไม่พบ เชื้อ มะเร็ง หลังจากนั้น ก็ตรวจ มา ตลอด ปกติ ดี
สรุป อวัยวะ ใน ร่างกาย เจริญ เติบโต ได้เพราะ เลือด ไปเลี้ยง ถ้าเรา ไม่กิน เนื้อวัว หมู ไก่ ในเลือด ก็ ไม่มี โปรตีน ไปให้ เซลล์ มะเร็ง กิน
เปรียบ เหมือน กาฝาก ถ้าเรา ตัดท่อ น้ำเลี้ยง ตรงที่ กาฝาก ขึ้น กาฝาก อยู่ ไม่ได้ แต่ ต้นไม้ ไม่ตาย
ผม ทานผัก ทุกอย่าง ที่ กินกัน อยู่ ปกติ ทุกวัน ผักบุ้ง คะน้า กะหล่ำ ผักกาด มะเขือ เห็ดต้ม กล้วย แอปเปิล มะละกอ ฝรั่ง นม ถั่วเหลือง
มะเร็ง เป็น สาเหตุ การตาย อันดับ1 ในไทย มา 5 ปี ติดต่อ กัน นับวัน มีแต่ มากขึ้น เฉลี่ย 8 : 1 อย่า ล้อเล่น มีสิทธิ เป็นได้
เหมือนปลวก คือ ส่วนไหน ที่ มันกิน แล้วก็ เสียไป ไม่ สามารถ ฟื้นฟู ได้ ต้อง ตัดทิ้ง เหมือน เนื้อไม้ ที่ถูก ปลวก กิน ไปแล้ว ก็เสียไป
 
กินดุ คือ ลุกลาม เร็วมาก
ใจเสาะ คือ ไม่ให้ อาหาร มัน ฝ่อตาย ไปเอง ภายใน ไม่กี่ เดือน
ใครจะ copy ส่งไป ก็ไม่ ขัดข้อง ถือว่า เป็นบุญ กุศล อย่างหนึ่ง ผมเอง มีโอกาส ก็ จะบอก แก่คนที่ เขาป่วย และ ติดต่อ มา สอบถาม
หวังว่า พอจะ เป็น ประโยชน์ นะครับ
ก้อง ศิวะเกื้อ
หัวหน้า ศาลแขวง ราชบุรี
ประสบการณ์ จริง เผื่อ จะเป็น ประโยชน์ ครับ

ใครเป็นภูมิแพ้ควรอ่าน! เคล็ดลับกำจัดอาการภูมิแพ้ด้วย 4 อาหารใกล้ตัว

ใครเป็นภูมิแพ้ควรอ่าน! เคล็ดลับกำจัดอาการภูมิแพ้ด้วย 4 อาหารใกล้ตัว

โรคภูมิแพ้ เริ่มกลายเป็นโรคสุดฮิตของคนไทย ซึ่งสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยอย่างเหลือคณานับ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์ คุณลิซ่า คอลลิเออร์ คูล นักเขียนเจ้าของรางวัล National Health Information Award มีตัวช่วยป้องกันความทรมานจากอาการของโรคนี้ ซึ่งได้แก่อาหารดังต่อไปนี้
1. ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว องุ่น เพราะผลไม้เหล่านี้จะมีวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการ ภูมิแพ้ ได้ โดยพยาบาลเด็กอ่อนได้กล่าวว่าเด็กแรกเกิดที่ดื่มนมแม่เป็นประจำ จะมีภูมิต้านทานต่อโรค ภูมิแพ้ เพราะได้รับวิตามินซีจากน้ำนม
2. มะเขือเทศ เป็นแหล่งรวมของวิตามินซีเช่นเดียวกับผลไม้ตระกูลส้ม นอกจากนี้ในมะเขือเทศยังมีไลโคปินซึ่งช่วยลดอาการหอบหืดจาก ภูมิแพ้ ได้เป็นอย่างดี
3. เมล็ดทานตะวัน นอกจากวิตามินซีแล้ว วิตามินอีก็เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ช่วยต่อสู้กับโรค ภูมิแพ้ ได้ จากการวิจัยพบว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงจะช่วยลดการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อ ภูมิแพ้ ซึ่งเมล็ดทานตะวันก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี
4. ผักโขม เป็นอีกหนึ่งอาหารสำหรับพิชิต ภูมิแพ้ อย่างแท้จริง เนื่องจากอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารที่หากร่างกายขาดไปจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรค ภูมิแพ้ และหอบหืดได้ง่ายยิ่งขึ้น อาหารโปรดของป๊อบอายนี้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่อยากห่างไกลอาการ ภูมิแพ้
รู้เช่นนี้แล้ว ระหว่างเดินช็อปปิ้งเลือกสรรอาหารเย็นนี้ อย่าลืมหยิบอาหารเหล่านี้ใส่ตะกร้าติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยนะครับ
ขอบคุณที่มาจาก : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 359

27 กันยายน 2559

9 ทิปเด็ด เพิ่มเน็ตไร้สายให้เร็วจี๊ด

9 ทิปเด็ด เพิ่มเน็ตไร้สายให้เร็วจี๊ด
 

ทุกวันนี้โปรโมชันอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ มาแรงเหลือเกิน ทั้ง VDSL หรือ Fiber Optic ซึ่งแรงได้ใจ แถมราคาก็ถูกเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่หลายคนประสบพบเจอก็คือ อุปกรณ์เครือข่ายมาตรฐานที่ผู้ให้บริการติดตั้งให้ไม่ค่อยตอบสนองความเร็วได้อย่างที่ต้องการ ลองลงทุนสักนิด เพื่อความความเร็วเน็ต ความแรงของ Wi-Fi ให้ได้อย่างที่ต้องการ

1. เลือกความถี่ให้เหมาะสม
ปัจจุบัน Wi-Fi ภายในบ้านสามารถแยกได้เป็น 2 ความถี่ คือ 2.4 GHz และ 5 GHz ซึ่งในอนาคตจะมีการใช้ความถี่ที่ 60 GHz (802.11ad) แต่ก่อนจะไปถึงตอนนั้น มาดูตอนนี้ว่าคุณเลือกเราเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานหรือยัง Wi-Fi ความถี่ 2.4GHz จะรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่า แต่ความถี่ 5 GHz 5 GHz จะรองรับการรับส่งข้อมูลได้มากกว่า เหมาะกับอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง เช่น เกมคอนโซล Set Top Box หรือ Streaming Video

2. เลือก Wi-Fi ให้ตรงตามความต้องการ
การเลือก Wi-Fi ให้เหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยใช้คุณสามารถใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ 802.11g (ความเร็วสูงสุดคือ 54 Mbps+), 802.11n (ความเร็วสูงสุดคือ 300-600 Mbps) และ 802.11ac (ความเร็วสูงสุดคือ Gigabit/1000 Mbps+) ซึ่งเราเตอร์โดยทั่วไปที่แถมมาตอนติดตั้งอินเทอร์เน็ตจะรองรับมาตรฐาน 802.11n อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความเร็วที่เพิ่มขึ้น เสถียรมากขึ้น ต้องขยับไปใช้เราเตอร์มาตรฐาน 802.11ac

3. ขยายสัญญาณ
ในบางครั้งเราเตอร์เพียงตัวเดียวไม่สามารถส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมได้ทั้งบ้าน การขยายสัญญาณจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการใช้สายอากาศเสริม เราเตอร์บางรุ่นสามารถรองรับการเชื่อมต่อสายอากาศผ่ายพอร์ต N, SMA หรือ TNC เราสามารถใช้ทั้งแบบเปลี่ยนสายอากาศได้ที่ตัวเราเตอร์เลย (Indoor) หรือใช้สายอากาศเสริมแบบภายนอก (Outdoor)

4. ทดสอบช่องสัญญาณที่ดีที่สุด
เราเตอร์ Wi-Fi จะมีช่องสัญญาณการใช้งาน (Channel) ให้เลือกใช้งาน แต่คนส่วนใหญ่จะใช้ช่องสัญญาณที่อุปกรณ์เลือกมาให้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าช่องสัญญาณไหนดีที่สุด วิธีการง่าย ๆ ครับ ดาวน์โหลดแอพฯ ที่ชื่อว่า Wifi Analyzer มาใช้ครับ แอพฯ ตัวนี้จะแสดงช่องสัญญาณที่ดีที่สุดออกมา จากนั้นเราก็เปลี่ยนให้เราเตอร์ Wi-Fi ไปใช้ช่องสัญญาณนั้น

5. อัพเดตเฟิร์มแวร์เสมอ
หมั่นอัพเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์เสมอ เพราะการอัพเดตเฟิร์มแวร์จะช่วยให้เราเตอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปิดช่องโหว่ไม่ให้แฮกเกอร์เข้ามาโจมตีได้อีกด้วย

6. หาพื้นที่วางเราเตอร์ดี ๆ
หากบ้านของคุณไม่กว้างมากนัก หาพื้นที่วางเราเตอร์ดี ๆ คุณจะสามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทุกมุมของบ้าน เราเตอร์ควรวางในที่โล่ง บนที่สูง ไม่วางอยู่ใต้โต๊ะ หรือใกล้กับสิ่งที่กีดขวางสัญญาณ เช่น กำแพง ตู้เหล็ก หรือห้องด้านในสุด

7. ใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตเดียวกัน
ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เราไม่สามารถควบคุมชิปสำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ได้ แต่หากเป็นอุปกรณ์เน็ตเวิร์กที่นำมาเชื่อมต่อ เช่น Access Point, USB Adapter หรือเราเตอร์ คุณควรใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อ หมดปัญหาการไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ หรือส่งสัญญาณได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

8. ขยายระยะการส่งสัญญาณ
หากสายอากาศเสริมไม่สามารถส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดภายในบ้าน ให้หาอุปกรณ์เสริมอย่าง Repeater, WiFi Range Extender หรือ Home Plug Adapter มาช่วยขยายสัญญาณ หรือคุณจะเลือกทางประหยัดโดยใช้เราเตอร์ตัวเก่า ๆ ที่มีอยู่เอามาทำเป็น Repeater ก็ได้ ซึ่งวิธีการทำสามารถหาได้ง่าย ๆ จากอินเทอร์เน็ต

9. เข้ารหัสไว้เป็นนิจ
เข้ารหัสเครือข่ายเน็ตเวิร์กไว้เสมอเพื่อป้องกันผู้อื่นเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ตของคุณฟรี ดีไม่ดีหากมีการดาวน์โหลดบิตทอร์เรนต์รับรองว่าคุณได้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบอืด ๆ หรือไม่ก็ไม่สามารถใช้งานได้ การเข้ารหัสก็ให้เลือกการเข้ารหัสแบบ WPA2-TKIP/AES ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจาะระบบได้อีกด้วย ส่วนรหัสผ่านที่ตั้งก็อย่าตั้งง่ายเกินไปจนเดาได้ หรือยากเกินไปจนจำไม่ได้นะครับ

เรียบเรียงโดย ธนกิตติ์ ขยันการนาวี
สนับสนุนเนื้อหา: www.aripfan.com

30 พฤษภาคม 2559

แก้ปัญหาแรงดันไฟ DC ตกที่ปลายสายเมื่อเดินสายระยะไกลด้วยวงจร DC to DC Converter


แก้ปัญหาแรงดันไฟ DC ตกที่ปลายสายเมื่อเดินสายระยะไกลด้วยวงจร DC to DC Converter

  ในงานที่ต้องจ่ายไฟฟ้า DC ตามสายไกลๆ มักเจอปัญหาโวลต์ที่ปลายสายลดลงจนไม่สามารถใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น  เคสที่ต้องจ่ายไฟที่ต้นทาง 12V พอเดินสาย ยาว 100 เมตร ไฟที่ปลายสายตกต่ำกว่า 12V อาจจะเหลือแค่ 9V 6V หรือต่ำกว่า ทำให้อุปกรณ์ต่างๆที่ปลายสายทำงานไม่ได้ มักปัญหาที่พบบ่อยๆครับ     สาเหตุก็เนื่องจากว่ายิ่งต่อสายไฟไกลๆ ความต้านทานในสายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นส่งผลให้ลดทอนการส่งกำลังของไฟฟ้าลงครับ การแก้ปัญหาเบื้องต้นนั้นสามรถแก้ไขได้โดยเปลี่ยนไปใช้สายไฟเบอร์ที่ใหญ่ขึ้นครับ  แต่ความเป็นจริงแล้วจะเดินสายไฟเบอร์ใหญ่ๆ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามใช่ไหมหละครับ !!

 

      วันนี้จะมาแนะนำวิธีแก้ปัญหาการเดินสายไฟ DC ไกลๆแล้วไฟที่ปลายสายตกกันครับ     หลักการแบบเดียวกับการส่งไฟบ้าน AC 220V ที่ใช้ตามบ้านเราดังนี้ครับ เมื่อไฟฟ้าถูกส่งออกจากโรงงานก็จะมีหม้อแปลงทำการเพิ่มแรงดันให้สูงขึ้นก่อน จากนั้นเมื่อใกล้ๆบ้านก็จะมีหม้อแปลงไฟฟ้าลดระดับแรงดันแรงดันให้เหมาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้า  ด้วยวิธีนี้จะทำให้ความต้านทางที่เกิดขึ้นเมื่อเดินสายไฟไกลๆ มีผลน้อยลงครับ ดังนั้นแล้ว หลักการเดียวกันไฟฟ้า DC ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ เราไปดูตัวอย่างกันเลยครับ

ตัวอย่าง การจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้า DC ระยะไกล



จากภาพด้านบน ใช้สำหรับกรณีที่เรามีแหล่งจ่ายไฟ DC โวลต์สูงๆอยู่แล้วเช่นไฟจากแบตเตอรี่ 48V สามารถใช้จ่ายไปตามสายไฟได้เลยครับ และที่ปลายทางเราใช้ DC Step-Down Converter ที่รับแรงดันสูงๆ (48V ขึ้นไป) ได้นำไปลดแรงดันให้เหมาะกับอุปกรณืที่ต่อพ่วงครับ เช่น 12V,9V,5V ก็เป็นการแก้ปัญหาได้ครับ


จากภาพด้านบน ใช้สำหรับกรณีที่เราไม่มีแหล่งจ่าย DC โวลต์สูงแต่ เราสามารถดัดแปลงใช้ DC Step-Up Converter ที่สามารถเพิ่มแรงดันขึ้นไประดับ 36-60V จ่ายไฟไปยังสายส่ง จากนั้นที่ปลายทางก็ใช้ DC Step-Down Converter ที่รับแรงดันสูงๆได้นำมาปรับลดแรงดันเพื่อจ่ายให้อุปกรณ์ปลายทางต่างๆครับ

 

จากทั้งสองตัวอย่างนั้นจะสามารถช่วยเพิ่มระยะของการส่งไฟฟ้า DC ให้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ สามารถใช้ขยายระยะจากเดิมที่เดินไฟ 12V ใช้ได้แค่ระยะไม่กี่สิบเมตร เพิ่มเป็นหลักร้อยเมตรได้ ทั้งนี้ จะส่งได้ไกลแค่ไหนก้ต้องขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณการใช้กระแสของอุปกรณ์ อีกทั้งควรเลือก DC to DC Converter ที่สามารถจ่ายกระแสได้เพียงพอกับอุปกรณ์ด้วยครับ

14 กุมภาพันธ์ 2559

เกร็ดความรู้ Display view Windows 10

Display view Windows 10
กดคืนค่าที่ desktop กด Ctrl+Shift +3 (กดปุ่ม 3 ที่ด้านมือซ้ายบนนะครับ)

* ลองเล่นใหม่โดยกดปุ่ม Ctrl+Shift+(ปุ่ม 1-9 เลขด้านซ้ายมือบน) จะสลับขนาดและการจัดวางที่หน้าเดสกทอป

11 กุมภาพันธ์ 2559

4 อาหารทำลายกระดูก มันอาจจะทำให้คุณชีวิตสั้นโดยไม่รู้ตัว

4 อาหารทำลายกระดูก มันอาจจะทำให้คุณชีวิตสั้นโดยไม่รู้ตัว
กระดูก เรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก หลายๆ คนที่รักสุขภาพ ดูแลและบำรุงกระดูก ด้วยการเสริมแคลเซียม ทานอาหารที่มีประโยชน์บำรุงกระดูก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านั้นยังคงไม่เพียงพอกับการดูแลกระดูกได้อย่างดีเท่าที่ควรค่ะ เพราะว่าอาหารที่เราทานอยู่ทุกวันมีส่วนบ่อนทำลายกระดูกได้ด้วย อาหารหลายๆ อย่างที่เราทานเข้าไป แล้วมีส่วนบ่อนทำลายกระดูกได้โดยที่เราก็ไม่รู้ตัว มีอะไรบ้างนั้น มาดูพร้อมกัน

ปัญหาสุขภาพของกระดูก
กระดูกที่ถูกทำลายจนเปราะบาง มีผลต่อความเจ็บป่วยของร่างกายได้มากมายทำให้เกิดโรคได้หลายโรค เมื่อเราอายุมากขึ้นโดยเฉพาะในผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปความหนาแน่นของกระดูกจะเริ่มลดลงหากไม่ได้บำรุงกระดูกให้แข็งแรงดี ก็อาจเกิดกระดูกเปราะบางและแตกหักได้ง่าย และเกิดโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร

อาหารทำลายสุขภาพกระดูก
1. กาแฟ
มีงานวิจัยจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาทำให้ทราบได้ว่า การดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 2 ถ้วย มีผลทำให้กระดูกเปราะบางได้ เนื่องจาก คาเฟอีนในกาแฟจะทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ

2. น้ำอัดลม 
มีผลทำให้เกิดภาวะกระดูกหักได้ง่าย โดยผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำจะมีโอกาสเกิดกระดูกพรุนมากกว่า ผู้ที่ไม่ดื่ม 3 – 4 เท่า
 
3. โปรตีนจากเนื้อสัตว์ 
จะมีความเป็นกรด ส่งผลให้เกลือแคลเซี่ยมถูกดึงตัวออกจากกระดูก เพื่อมาจัดการกับความเป็นกรดของเลือด การศึกษาพบว่าคนที่รับประทานอาหารโปรตีนสูงนาน ๆ จะมีความหนาแน่นกระดูกที่บางกว่าคนที่รับประทานอาหารแบบปกติ 
 
4. อาหารเค็ม 
การทานอาหารเค็มนอกจากจะมีผลเสียกับร่างกายมากมาย โดยเฉพาะไต แล้วยังอาจส่งผลให้ร่างกายขับแคลเซี่ยมออกทางปัสสาวะมากขึ้น ทำให้กระดูกอ่อนแอและไม่แข็งแรงได้เท่าที่ควร
 
เสริมความแข็งแรงให้กระดูก
ดื่มกาแฟไม่เกินวันละ 1 – 2 แก้ว หรือเปลี่ยนมาดื่มชาเขียว ซึ่งมีคาเฟอีนน้อยกว่า และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพด้วย
งดน้ำอัดลม ทั้งแบบปกติและแบบไร้น้ำตาล
เลี่ยงการรับประทานอาหารแบบเน้นโปรตีนมากเกินไป โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เลือกรับประทานโปรตีนจากพืชซึ่งไม่ส่งผลต่อกระดูกให้มากขึ้น เช่น เต้าหู้ ถั่ว โอ๊ต
เลี่ยงการรับประทานอาหารเค็ม และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผงชูรส ซึ่งเป็นแหล่งของเกลือโซเดียมด้วย
ออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง แอโรบิค เล่นเทนนิส ยกเวท กระโดดเชือก ช่วยเสริมความหนาแน่นให้
กระดูกได้ 
 
รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม พบได้มากในนมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต เนยแข็ง เป็นแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดี และปลากรอบ กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว เต้าหู้แผ่น และถั่วเหลือง ก็เป็นเป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่นกัน โดยเฉพาะถั่วเหลืองนั้น นอกจากช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกแล้ว ยังลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย 
ควบคุมน้ำหนักตัว การที่ปล่อยให้น้ำหนักตัวมากเกินไป จะทำให้คุณเสี่ยงกับการเป็นโรคกระดูกผุได้
เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่จะขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ 
วิตามินดี ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาตรของกระดูกได้ โดยเฉพาะนม มีทั้งแคลเซียมและวิตามินดีสูง ควรระวังการซื้อวิตามินดีมารับประทาน อาจจะทำให้เกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไป และเกิดอันตรายได้
ปัญหาของกระดูกไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรเลยนะคะ ในวัยเด็กการพัฒนาของกระดูกเป็นเรื่องสำคัญ ควรใส่ใจและบำรุงให้เติบโตได้ตามวัย ในวัยที่เริ่มย่างเข้า 30 ปี เสี่ยงต่อปัญหาความหนาแน่นของประดูกลดลง โดยเฉพาะในผู้หญิง ทางที่ดีเราควรเริ่มใส่ใจสุขภาพของกระดูกได้ตั้งแต่วันนี้ หลีกเลี่ยงอาหารที่บ่อนทำลายกระดูก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และอย่าลืมดื่มนมในทุกๆ วันด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง ห่างไกลโรคกระดูกพรุน
ที่มา kaijeaw.com
 
 

10 กุมภาพันธ์ 2559

จำให้แม่น 5 ข้อ !! ถ้าเกิด “เบรคแตก” ต้องทำตามแบบนี้ รอดตายแน่นอน!! ดีมากๆ!!

จำให้แม่น 5 ข้อ !! ถ้าเกิด “เบรคแตก” ต้องทำตามแบบนี้ รอดตายแน่นอน!! ดีมากๆ!!
1. ตั้งสติ เมื่อเหยียบเบรกแล้วรถไม่ชะลอหรือหยุด การตั้งสติ คิดให้เร็วขึ้นทำให้รถช้าลง หาวิธีแก้ปัญหา ถ้ามีช่องว่างให้ชิดซ้ายทันที เพราะรถเบรกแตกขับไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น
2. ลดคันเร่งและความเร็ว จำไว้ว่าเครื่องยนต์มีแรงเสียดทาน จงใช้ให้เป็นประโยชน์ ที่เรียกว่าเอ็นจิ้น เบรก (Engine Brake)หรืออาการหน่วงของเครื่องยนต์ ช่วยให้ลดความเร็วอย่างกะทันหัน ทำได้โดยเหยียบคลัตช์ ลดตำแหน่งเกียร์ ส่วนเกียร์อัตโนมัติถ้ามีโอเวอร์ไดรฟ์ให้กดปุ่มโอเวอร์ไดรฟ์ หรือสับตำแหน่งเกียร์ จาก D มาเป็น 3 และต่ำลงมาเรื่อยๆ แต่ห้ามเปลี่ยนพรวดเดียวลงมาเป็น L เพราะเครื่องยนต์อาจพังได้
3. จับพวงมาลัยให้มั่นแล้วชิดซ้าย เมื่อลดเกียร์รถจะค่อยๆ ช้าลง แต่ไม่ถึงกับหยุดสนิท หาทางชิดซ้ายเข้าข้างทาง ห้ามเติมคันเร่ง ถ้ามีรถกีดขวางให้บีบแตรเพื่อส่งสัญญาณ ถ้าเป็นไปได้ควรเปิดไฟฉุกเฉินด้วย
4. เบรกมือช่วยได้ แม้เบรกแตกแต่เบรกมือหรือที่เรียกว่าเบรกฉุกเฉิน (E-Brake/Emergency Brake) สามารถช่วยได้ จะช่วยลดความเร็วที่ล้อหลัง ช่วยหน่วงและชะลอได้ แต่จำไว้ว่าอย่าดึงแรงทีเดียว ค่อยๆ ดึงขึ้นจนสุด จะช่วยลดความเร็วได้บ้างไม่มากก็น้อย
5. ทางลาดชันทำยังไง ในกรณีโชคร้ายพบว่าเบรกแตกขณะลงเขานั้น สิ่งสำคัญต้องลดความเร็วอยู่ดี เพียงแต่การลงเขาจะมีโมเมนตัมมากขึ้นจากแรงดึงดูดของโลก การชะลอรถควรเริ่มจากการลดเกียร์ต่ำลงก่อน แต่ให้งดการใช้เบรกมือจนกว่าจะถึงช่วงความชันน้อย จะตอบสนองได้ชัดเจนกว่าและไม่ทำให้เกิดความร้อนมากเกินไป
วันที่ 10 ก.พ. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “รู้ไว้ไม่โง่” มีการเผยแพร่ข้อมูลการบริจาคเลือดกับสภากาชาดไทย โดยเฉพาะผู้บริจาคเลือด หากล้มป่วยสามารถใช้สิทธิรักษาฟรีได้ โดยเฉพาะการนอนโรงพยาบาลในสังกัด รวมถึงได้ลดหย่อนค่าห้องพิเศษ ผ่าตัด และผ่าคลอดบุตร ร้อยละ 50 ด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง และมีการสอบถามไปยังสภากาชาดไทยว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ล่าสุด พญ.อุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แต่เป็นสิทธิประโยชน์ที่ออกมานานมากแล้ว และยังไม่ได้มีการแก้ไข เบื้องต้นหากผู้บริจาคโลหิตเกิน 7 ครั้งขึ้นไป หากเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา กรณีรักษาตัวในห้องผู้ป่วยสามัญหรือห้องผู้ป่วยรวม สามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลเดิมของตัวเอง แต่หากนอนห้องพิเศษ หรือกรณีที่อยู่ห้องพิเศษ หรือผ่าตัด คลอดบุตร สามารถลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 50
ส่วนผู้บริจาคโลหิตเกิน 24 ครั้งขึ้นไป หากป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย จะได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาล กรณีรักษาตัวในห้องผู้ป่วยสามัญ แต่ถ้าอยู่ห้องพิเศษ หรือ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร จะเสียเพียงร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนด
พญ.อุบลวัณณ์ กล่าวอีกว่า กรณีบริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป จะได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาล ประเภทผู้ป่วยสามัญได้ทุกโรคหรือไม่ เช่น โรคมะเร็ง และการผ่าตัดในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เช่น ผ่าตัดส่องกล้อง การใช้หุ่นยนต์ คาดว่า จะได้รับการลดหย่อนร้อยละ 50 แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางโรงพยาบาลด้วย
อย่างไรก็ตาม ระเบียบดังกล่าวออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีสิทธิการรักษาใดๆ เลย เนื่องจากขณะนั้นคนไทยไม่มีสิทธิการรักษาพยาบาลกันเยอะ แต่ก็ช่วยมาบริจาคเลือดได้ ดังนั้น ตอนนี้จะเน้นที่สิทธิประโยชน์เดิมของคนไข้ก่อน ส่วนการอัปเดตระเบียบใหม่ คงต้องใช้เวลาสักระยะ เบื้องต้นถ้าประชาชนจะใช้สิทธิ สามารถมาขอหรือให้ญาตินำบัตรประจำตัว พร้อมหนังสือรับรองการบริการบริจาคโลหิต มาแจ้งที่ศูนย์บริการโลหิต หรือภาคบริการโลหิตที่โรงพยาบาลสาขา หรือโรงพยาบาลจังหวัด

09 กุมภาพันธ์ 2559

“เพชรสังฆาต” กับวิธีแก้กระดูกเสื่อม

ผู้สูงอายุ ไม่น้อยเพิ่ง เริ่มมีอาการปวดกระดูกตามข้อต่างๆของร่างกาย แต่ยังไม่รุนแรง อยากทราบว่ามีสมุนไพรอะไรบ้างที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการดังกล่าวได้ ซึ่งก็เคยแนะนำไปแล้วคือให้เอาต้น “เพชรสังฆาต” กับหัวจุกมะพร้าวน้ำหอม แก่นต้นเถาวัลย์เปรียง และว่านหางจระเข้ไม่ปอกเปลือกแบบสด ทั้งหมดเท่ากันกะตามต้องการต้มกับน้ำ 2 ลิตร จนเดือดดื่มครั้งละ 3 ส่วน 4 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ถ้าดื่มแล้วอาการดีขึ้นต้มดื่มจนยาจืดและต้มดื่มต่อเนื่องจะหายได้ หลังจากนั้นต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ และไปพบแพทย์เฉพาะทางให้รักษาประจำ จะไม่เกิดอาการปวดขึ้นอีก
เพชรสังฆาต หรือ CISSUS QUADRANGULALIS LINN. อยู่ในวงศ์ VITACEAE เถาสดกินแก้ริดสีดวงทวาร วันละ 1 ข้อจนครบ 3 วัน โดยหั่นบางๆ ใช้เนื้อมะขามเปียกหรือกล้วยสุกหุ้มกลืนทั้งหมด เพราะเถาอาจจะทำให้คันคอได้
ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก” เล่มที่ 5 ของ “นายเกษตร” เหลือไม่มากนัก ไม่วางขายที่ไหน หมดแล้วหมดเลย ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งกลับเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ปณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม. 10901 หรือสอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร, กระเทียมโทนแคปซูล ผสมสมุนไพรหลายชนิด แก้หอบหืด แก้ถุงลมโป่งพอง, ยาลดเบาหวานแคปซูล ทำจากสมุนไพร 5 อย่าง กินได้กับคนเป็นเบาหวานทุกธาตุ, ยาบำรุงไตแคปซูล ไม่ใช่รักษาไต มีส่วนผสมสมุนไพรหลายชนิด, ตรีผลาแคปซูล ไขมันในเส้นเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์, ดีบัวแคปซูล ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองหัวใจ, ครีมโลดทนง รักษาสิว ฝ้า รูขุมขนตีบลง, ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์ ลดเบาหวาน, คอลลาเจนบริสุทธิ์เป็นผง ทาหน้าช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, น้ำมัน 12 ประดง ทาภายนอกฆ่าเชื้อสมานแผล แก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน แพ้เหงื่อ, ยาแก้ริดสีดวงจมูกแคปซูล น้ำมูกมีกลิ่นเหม็นและอื่นๆ โทร. 0–2275–2692 ครับ.

01 กุมภาพันธ์ 2559

คีย์ลัดๆ กับ Photoshop ที่ใช้บ่อย

(15) คีย์ลัดๆ กับ Photoshop
หลายคนคงรู้มาบ้างแล้วว่าการมีคีย์ลัดเป็นเพื่อนร่วมเดินทางด้วยมันสะดวกสบายขนาดไหน แต่สำหรับบางคน (เช่นข้าพเจ้า) ยังไม่ค่อยถนัดกับการใช้คีย์ลัดซักเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับเลยว่าใช้ได้ดี และรวดเร็วจริงๆ
ที่จริงคีย์ลัดพวกนี้จะอยู่ท้ายคำสั่งอยู่แล้ว ถ้าจะถามว่าแล้วจะมาบอกทำไมเรอะ....ก็ขอตอบว่าสำหรับคนที่เริ่มๆ อยากจะรู้จักกับ Photoshop นั้นอาจจะมีปัญหาคล้ายๆ ข้าพเจ้าที่เคยเจอมาก็คือ เวลาใช้เมาส์คลิกที่คำสั่ง กว่าจะคลิก กว่าจะประมวลเสร็จ เมื่อยทั้งตา เมื่อยทั้งมือ ข้าพเจ้าจึงขอเสนอทางสะดวกให้ได้ลองกัน แต่ถ้าใครรู้แล้วเปิดผ่านไปได้เลย ไม่ว่ากัน
ดังนั้นงวดนี้เรามารู้จักกับคีย์ลัดที่ใช้งานใน Photoshop กันแบบคร่าวๆ...น้ำมานานเริ่มเลยดีกว่า--->>>
1) ระดับความบ่อยมาก....(...... อิงจากมาตรฐานส่วนตัว ^_^!)
- เปิดหน้าใหม่ (New)                                  Ctrl+N- เปิดแฟ้ม (Open)                                       Ctrl+O- บันทึก (Save)                                            Ctrl+S- บันทึกสำหรับขึ้นเว็บ (Save for Web)         Alt+Shift+Ctrl+S- ย้อนกลับ 1 ที (Undo)                                Ctrl+Z- ย้อนกลับมากกว่า 1 ที (Step Backward)    Alt+Ctrl+Z- ย้อนไปข้างหน้า (Step Forward)                Shift+Ctrl+Z- คัดลอก (Copy)                                         Ctrl+C- วาง (Paste)                                                Ctrl+V- เลือกทั้งหมด (Select>>>All)                     Ctrl+A- ไม่เลือกแล้ว (Deselect)                             Ctrl+D- รวมเลเยอร์ลงมา (Merge Down)               Ctrl+E- มุมมองพอดี (Fit on Screen)                      Ctrl+O- ซูมเข้า (Zoom in)                                       Ctrl+(+ +)-ซูมออก (Zoom out)                                    Ctrl+(+ -)
เรียกแถบเครื่องมือที่อยู่ซ้ายมือขึ้นมาต้องนี่....
เอาเมาส์ไปชี้ค้างไว้ที่ไอคอนต่างๆ จะมีกล่องเล็กสีเหลือง มีชื่อเครื่องมือ และวงเล็บตัวอักษร นั่นแหละตัวนั้นเลยเป็นคีย์ลัด...เฮอะ ๆ ๆ มันเยอะจัด เอ้ย! มันง่ายไป  เอาเป็นว่าพบกันครึ่งทางล่ะเน้อ (_ _, )//
+++(((แถม! คีย์ลัดสุดจำเป็นความรู้ใหม่ (แต่อาจเก่าสำหรับบางคน) จากหนังสือ DIGITAL PAINTING)))+++- ย่อหัวแปรง                            [- ขยายหัวแปรง                        ]- ดูดสี (Eyedropper Tool)        Alt- เลื่อนภาพ                             Space Bar……ต้องกดค้างเอาไว้ด้วยนะ.......
2) ระดับความบ่อยปานกลาง
- ปิดไฟล์ (Close)                                            Ctrl+W- บันทึกเป็นไฟล์อื่น (Save as…)                      Shift+Ctrl+S- ตัด (Cut)                                                       Ctrl+X- การเติมสี (Fill…)                                            Shift+F5- ย่อ-ขยายเลเยอร์ (Free Transform)                Ctrl+T- กำหนดขนาดภาพ (Image Size)                     Alt+Ctrl+I- เลือกอันเก่า (Reselect)                                   Shift+Ctrl+D- เลือกกลับกัน (Inverse)                                   Shift+Ctrl+I- เลือกเลเยอร์ทั้งหมด (All Layers)                   Alt+Ctrl+A- ฟิลเตอร์อันก่อนหน้านี้ (Last Filter)                Ctrl+F
หมดแล้ว...ที่จำเป็นนะ ส่วนที่ใช้ไม่บ่อยไม่ต้องกังวลไปดูเอาหลังคำสั่งได้ หรือจะใช้เมาส์คลิกเอาก็คงไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก เพราะมันไม่ค่อยได้ใช้....
งวดหน้าจะมาฝากเรื่องอะไรนั้น...ยังไม่แน่ใจ...แต่เกริ่นนิดๆ น่าจะเกี่ยวกับคนที่กำลังจะวาดการ์ตูนเป็นเรื่องราวว่าเขาต้องทำยังไงบ้าง...